Ad Code

Responsive Advertisement

การติดตั้ง DSM ให้กับ Synology NAS เพื่อเริ่มใช้งาน


Synology DiskStation Manager (DSM) คือ ระบบปฏิบัติการที่ใช้ง่าย ออกแบบมาบนระบบปฏิบัติการ สำหรับตั้งค่าการใช้งานต่างๆ จัดการสภาพแวดล้อมการทำงานและระบบการปกป้องข้อมูลภายในอุปกรณ์ Synology NAS การติดต่อกับ DSM จะใช้งานผ่านเว็บบราวเซอร์ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ 


การเตรียมพร้อมทางด้านฮาร์ดแวร์

- การติดตั้งฮาร์ดดิสก์ แนะนำให้ใช้ฮาร์ดดิสก์ที่รองรับการทำงานกับ Synology NAS มาใช้เช่น Seagate IronWolf, IronWolf Pro / WD Red, Red Pro หรือ รุ่นที่ผ่านการรับรองความเข้ากันได้ Compatibility List

- ฮาร์ดดิสก์ไม่จำเป็นต้องใส่ให้เต็มทุกช่อง สามารถใส่ได้ตามที่เราต้องการใช้งานว่าจะใช้งานแบบไหน 

            Basic / Single ใช้ 1 ฮาร์ดดิสก์ขึ้นไป

            RAID 0 / RAID 1 ใช้ 2 ฮาร์ดดิสก์ขึ้นไป

            RAID 5 ใช้ 3 ฮาร์ดดิสก์ขึ้นไป    

            RAID 6 / RAID 10 ใช้ 4 ฮาร์ดดิสก์ขึ้นไป  

- หากใส่ฮาร์ดดิสก์ไม่เต็มทุกช่อง แนะนำให้เรียงจากซ้ายสุดเป็นต้นไป ที่สำคัญหากนำฮาร์ดดิสก์ที่เคยใช้งานมาก่อน ต้องแน่ใจว่าไม่มีข้อมูลที่ต้องการแล้ว เพราะระบบจะมีการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่ ข้อมูลที่มีอยู่จะถูกลบ และไม่สามารถกู้คืนได้

- เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย โดยนำสาย LAN ด้านหนึ่งเสียบเข้าพอร์ตด้านหลังของ Synology NAS หากมีหลายพอร์ตให้เลือกพอร์ต LAN 1 ส่วนปลายอีกด้านหนึ่ง เสียบเข้ากับพอร์ตของเร้าเตอร์เพื่อรับค่าไอพีแอดเดรสอัตโนมัติ 

- เสียบสายไฟจ่ายไฟฟ้าให้อุปกรณ์ แล้วกดสวิทช์ที่ด้านหน้าเพื่อเริ่มการทำงานของอุปกรณ์


การเริ่มต้นติดตั้ง DSM ให้กับ Synology NAS

- เมื่อเครื่องพร้อมทำงานเราจะได้ยินสัญญาณบี๊บ จากนั้นให้เรามำการค้นหา Synology NAS ในระบบเครือข่าย เนื่องจากการติดต่อกับ DSM จะใช้งานผ่านเว็บบราวเซอร์ หากเรารู้ค่าไอพีแอดเดรสของ Synology NAS ที่ได้รับมา ก็สามารถเรียกใช้งานผ่านไอพีแอดเดรสนี้ได้เลย (ในกรณีที่มีโปรแกรมสแกนหาไอพีในระบบเครือข่ายใช้งานอยู่แล้ว)

- หากยังไม่รู้ว่าได้รับไอพีแอดเดรสอะไรมา เราสามารถค้นหาด้วย url นี้ http://find.synology.com ถ้าพบจะปรากฏตามภาพนี้ ก็สามารถเริ่มการติดตั้ง DSM ต่อไปได้



- หากไม่พบ Synology NAS ด้วยวิธีการข้างต้น แนะนำให้ดาวน์โหลดโปรแกรม Synology Assistant เพื่อติดตั้งในคอมพิวเตอร์ โดยใช้ลิ้งค์ด้านล่างนี้ แล้ว ระบุรุ่นที่ใช้งาน

https://www.synology.com/en-global/support/download


- ถ้า Synology Assistant พบอุปกรณ์จะปรากฏตามภาพนี้ ก็สามารถเริ่มการติดตั้ง DSM ต่อไปได้


- เริ่มต้นการติดตั้ง DSM ยืนยันโดยการกด Install Now


- จะมีการแจ้งเตือนว่าการติดตั้ง DSM จะมีการลบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งอยู่ภายใน
กดติ๊กยืนยัน I understand that all data on these hard disks will be removed
เมื่อติ๊กแล้ว เราจึงจะกด OK เพื่อดำเนินการต่อไปได้



- การติดตั้ง DSM จะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีโดยจะมีสถานะการทำงานบอกไว้ สิ่งที่ต้องระวังคือ ระหว่างการติดตั้ง DSM ห้ามปิดเครื่องอย่างเด็ดขาด ดังนั้นในระหว่างนี้หากเกิดปัญหาไฟฟ้าดับกระทัน อาจทำให้ Synology NAS ของเรามีปัญหา จึงแนะนำให้ใช้งานร่วมกับเครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS) ด้วยเสมอ

- เมื่อการติดตั้ง DSM สำเร็จจะปรากฏหน้าต่างยินดีต้อนรับเพื่อให้เราดำเนินการ กำหนดค่าเริ่มต้นการทำงานต่างๆต่อไป โดยขั้นตอนแรกคือการกำหนดบัญชีผู้ใช้งานที่เป็นผู้จัดการระบบ และ การตั้งรหัสผ่านแนะนำให้ตั้งที่คาดเดาได้ยาก เช่นใช้ อักษรเล็ก-ใหญ่-ตัวเลข-อักษรพิเศษ ร่วมกันยาวตั้งแต่ 8 ตัวอักษรขึ้นไป  ยกตัวอย่างอักษรพิเศษที่สามารถใช้ได้ (~ ` ! @ # $ % ^ & * ( ) - _ = + [ { ] } \ | ; : ' " < > / ? , .)  



- ขั้นตอนถัดมาจะเป็นการถามว่า จะให้ตั้งค่าการอัพเดท DSM แบบไหน แนะนำให้เลือก

✓ Automatically install important DSM and package updates only (Recommended)

- ถัดมาจะถามว่าจะสร้าง Synology Account ตอนนี้เลยไม๊ แนะนำว่าทำทีหลัง กด Skip ไป 

- ถัดมาจะเป็นการกดยินยอมเรื่องความเป็นส่วนตัว (Privacy) ขึ้นกับเราว่าจะติ๊ก หรือ ไม่ติ๊ก

- จากนั้นจะเข้ามาสู่ศูนย์ควบคุม การจัดการของ DSM สิ่งแรกที่ต้องทำคือการจัดการเกี่ยวกับ Storage Pool ว่าจะให้มีการจัดการเป็นแบบไหน Basic, Single, RAID 1, RAID 5, RAID 6 ขึ้นอยู่กับรุ่นของอุปกรณ์ที่ใช้งาน ในกรณีนี้เราใช้ Synology DS220+ เป็นรุ่นที่รองรับฮาร์ดดิสก์ได้สูงสุด 2 ช่อง ดังนั้นเราสามารถเลือกการจัดการฮาร์ดดิสก์แบบ SHR, RAID 1, Basic, JBOD, RAID 0 ซึ่งเราของแนะนำให้ใช้ RAID 1

- RAID 1 (mirror) เป็นคุณสมบัติที่ช่วยปกป้องข้อมูล โดยข้อมูลจะถูกบันทึกไว้ในฮาร์ดดิสก์ทั้ง 2 ลูก ในกรณีที่ ฮาร์ดดิสก์ลูกใดหรือหนึ่งเสีย ข้อมูลก็ยังคงอยู่และสามารถทำงานต่อไปได้ 



- ขั้นตอนถัดจะเป็นการถามว่า จะให้เลือกฮาร์ดดิสก์คู่ไหนมาจับคู่ทำ RAID 1 ก็เลือกไป

- ถัดมาจะถามว่าจะให้ทำ Drive Check หรือไม่ เราแนะนำว่าให้ทำ

✓ Perform drive check

- ในขั้นตอนนี้จะถามว่าเราจะเลือกติดตั้ง File System แบบไหนระหว่าง Btrfs กับ ext4 ในแง่ประสิทธิภาพการทำงานก็ไม่ได้แต่ต่างกันมาก โดนเฉพาะการใช้งานทั่วไป 

    ext4 จะเป็น File System ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบปฏิบัติการ Linux
    Btrfs จะมีความหยืดหยุ่นกว่าเล็กน้อยในเรื่องการกำหนดโควต้าของโฟลเดอร์ การทำ Snapshot

- เราขอแนะนำให้เลือก Btrfs แล้วกด Next เพื่อดำเนินการต่อไป
 


- เมื่อสร้าง Storage Pool เสร็จ DSM จะสร้าง Volume ให้ด้วย ตอนนี้เราก็พร้อมจะใช้งาน Synology NAS เพื่อจัดเก็บข้อมูล ตามความต้องการต่อไป

- ขั้นตอนต่อไปของเราก็คือสร้าง Shared Folder และ User เมื่อกดที่ Control Panel ก็จะมีหน้าตาแบบนี้




รายละเอียดในการสร้าง Shared Folder, User, การกำหนดสิทธิผู้ใช้งาน เราขอนำเสนอในบทความถัดไป


  

Close Menu